Price List FAQ Book Now
Page Top

skyberry

ใช้งานอินเตอร์เน็ตในต่างประเทศต้อง Skyberry

02-105-4568
contact application form

SWITZERLAND

2018 ประสบการณ์ขอวีซ่าสวิตเซอร์แลนด์ ยื่นเองที่สถานฑูต

 

สวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนในฝัน “  หลายคนพูดแบบนี้ เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ  และก้าวแรกของการไปสวิตเซอร์แลนด์ก็คือการรขอ VISA  นั่นเอง วันนี้เราจะเขียนเล่าประสบการณ์ การขอวีซ่าสวิตเซอร์แลนด์ให้ได้อ่านกันค่ะ  การขอวีซ่าครั้งนี้เกิดขึ้นในปี 2018 นะคะ 

 

 

ก่อนอื่นต้องบอกว่า เราจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าโรงแรมทั้ง 2 ที่ Interlaken และ Zurich หมดแล้ว ก่อนที่จะขอวีซ่า ด้วยความที่เจอตั๋วราคาสุดช็อคของ Qatar  เริ่มจาก SGN-DOH-ZRH   ขากลับ  ZRH-DOH-BKK ในราคา 13,745 บาท 

เลือกบินวันที่ 9 เมษายน 2018 ออกจากเวียดนาม เวลา 19:30 น.

ออกจากซูริค วันที่ 18 เมษายน 2018 เวลา 10:00 น. ช่วงวันเดินทางดี๊ดี หยุดยาวๆไป

ซึ่งรูทนี้มันออกจากเวียดนาม เราจึงต้องซื้อตั๋วจากกรุงเทพไปเวียดนาม 1 เที่ยว โดยซื้อของนกแอร์ + นน. 30 kg. บินเช้าวันที่ 8 เมษายน 2018 เวลา 07:35 น.  ถือโอกาสเที่ยวเวียดนาม 2 วัน 1 คืนไปด้วยเลย

 

หลังจากได้ตั๋วเครื่องบินแล้ว เราก็แพลนตารางเที่ยวตั้งแต่ที่เวียดนาม ไปจนถึงซูริค และแต่ละวันในสวิตว่าจะไปไหน อะไรยังไงบ้าง พอได้แพลนแล้ว ก็ทำการดูโรงแรม ดูโลเคชั่น ทำเล แล้วก็ตกลงปลงใจจองแบบจ่ายเงินทันที   (ที่จ่ายค่าโรงแรมก่อนเพราะถ้าเลือกแบบจ่ายทีหลัง ราคามันแพงกว่าจ่ายทันที เราเลยเลือกที่จะเซฟเงินตรงนี้ มีความมั่นใจในความเสี่ยงมาก)

มาถึงการกรอกใบสมัครขอวีซ่า เราจะไม่ลงรายละเอียดมากนะคะ  สมัครที่เว็บนี้ค่ะ https://www.tlscontact.com/th2ch/login.php    

เราเดินทางกัน 3 คน กรอกข้อมูลทั้ง 3 คน ใน account เดียวกันค่ะ เรากรอกข้อมูลในเว็บเสร็จประมาณวันที่ 4 ธันวาคม 2017 พอได้เลขที่สมัครมาแล้ว ก็โทรจองคิวกับ TLS บอกว่าจะยื่นตรงกับสถานฑูต เราได้คิววันที่ 25 มกราคม 2018 เวลา 10:00 น.  จะเห็นว่าได้คิวเกือบ 2 เดือน จึงเหมาะกับคนที่มีแพลนล่วงหน้าไว้อยู่แล้ว แต่ถ้ายื่นผ่าน TLS จะได้คิวเร็วกว่านี้

พอจองคิวได้ เราก็ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม จากรีวิวต่างๆ การเตรียมเอกสารเอย บทสัมภาษณ์เอย รูปถ่ายวีซ่าที่ต้องไปถ่ายใหม่ที่สถานฑูตเอย บลาๆ

 

ตัดภาพมาวันที่ 25 มกราคม 2018

 

การเดินทาง BTS เพลินจิต สะดวกสุด ออกทางออกเท่าไหร่ไม่ทราบค่ะ ขออภัย เราไม่ได้ไปด้วย bts แต่สามารถเดินจาก bts ไปประมาณ 300 เมตร
เราขี่มอเตอร์ไซค์ไป ทางเป็น one way ไม่มีที่จอดรถ พอขี่เลยสถานทูตไปแล้ว ย้อนกลับไม่ได้ ต้องไปเข้าซอยหน้า แล้วออกไปวนกลับรถใหม่ที่บีทีเอส นานา  สรุปแล้วไปจอดที่โรงแรมศิวาเทลค่ะ ก่อนถึงสถานฑูตนิดเดียว ขี่เข้าไปจอดได้ค่ะ

 

 

 

ไปถึงประมาณ 9:30 น. เข้าไปนิดนึงก็จะให้แลกบัตรก่อนค่ะ ตรวจกระเป๋า ปิดมือถือ พอเดินเข้าไปจะมีห้องให้เปิดเข้าไป แล้วกดบัตรคิวค่ะ ได้คิวแล้ว ออกมานั่งรอด้านนอกนะคะ เราไปกัน 3 คน กดบัตรคิวใบเดียว รอประมาณ 10 นาที ก็ถึงคิว ตรวจสอบเอกสารค่ะ เข้าไปพร้อมกัน 3 คน ยืนรุมกันอยู่หน้าเคาเตอร์ของเจ้าหน้าที่นั่นแหละ

 

ก่อนยื่นเอกสารมีการสนทนากับจนท. นิดหน่อยค่ะ
Q :  เคยมาขอวีซ่าไหม
A :  ไม่เคยค่ะ
Q :  สามคนเป็นอะไรกัน
A :  เพื่อนค่ะ
Q :  ขอวีซ่าท่องเที่ยวหรือเรียน
A :  ท่องเที่ยวค่ะ
แล้ว จนท. ก็จะขอเอกสารทีละคน แอบโดนบ่น ว่าไม่เรียงเอกสารให้เลย เลยขอโทษไปยกใหญ่

 

เอกสารที่ จนท. เก็บเอกสารไปดังนี้ค่ะ (เรียงตามที่ จนท.บอก)
1.    ใบสมัครขอวีซ่า 1 ชุด พร้อมติดรูปถ่ายให้เรียบร้อยค่ะ 
   ขนาดรูป

•  ด้านหลังเป็นสีขาว
•  ขนาด กว้าง 3.5 ซม. สูง 4.5 ซม.
•  ถ่ายจากด้านหน้าโดยไม่สวมใส่สิ่งต่างๆบนใบหน้าหรือศีรษะ
•  เป็นภาพถ่ายล่าสุดที่เหมือนตัวจริงภาพหน้าเราประมาณ 80%ของทั้งหมด

 

 

2.    สำเนาหน้าพาสปอร์ต (จนท. เอาแค่หน้าแรกใบเดียว หน้าที่มีตราประทับของตม.ต่างๆ  เราถ่ายไปด้วย แต่เขาส่งคืนกลับมา บอกว่าถ้าไม่เคยมีวีซ่าเชงเก้น ก็ไม่เอา ถ้าใครมีก็ถ่ายสำเนาหน้าเชงเก้นไปด้วย)

 

 

3.    หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบิน (ตั้งแต่ออกจากไทย จนกลับมาถึงไทย)

 

 

4.    ประกันเดินทาง ของเราเลือก worldwide เงินประกัน 3,000,000 ของ Cigna
แล้วเราก็แนบประกันของนกแอร์ไปด้วย ได้ตอนที่ซื้อตั๋วไปเวียดนาม เงินประกัน 3,000,000 เช่นกัน (นกแอร์ส่งมาให้ เลยปริ๊นแนบไปด้วย จนท.เขาก็ไม่ได้ส่งคืนกลับมา แต่เหมือนเขาจะไม่อยากได้)

 

 

5.    โรงแรมที่เข้าพักในสวิตเซอร์แลนด์ ต้องมีรายชื่อทุกคนที่เดินทาง เราพัก 2 โรงแรม โรงแรมนึงส่งใบคอนเฟิร์มมามีชื่อครบทั้ง 3 คน อีกที่นึงส่งมาให้เรามีแค่ชื่อเราและไม่ยอมทำให้ใหม่ซะด้วย แต่เราปริ๊นจาก booking ออกมาด้วย เพราะสามารถใส่ชื่อทั้ง 3 คน

 

 

 

6.    แพลนการเดินทาง เราทำละเอียดนิดนึง เพราะเป็นคนแพลนสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละวัน ก็เลยต้องดูแผนที่ และวิธีการเดินทางไปด้วยเลย จะได้คำนวณเวลาในแต่ละวันได้คร่าวๆ

วิธีเดินทางดูได้จากเว็บ www.sbb.ch/en/home.html

 

 

 

7.    ใบรับรองการทำงาน และใบลาหยุด ต้องระบุตำแหน่ง เงินเดือน วันที่เริ่มเข้าทำงานจนถึงปัจจุบัน วันที่จะลา และวันที่จะกลับไปทำงานหลังกลับจากท่องเที่ยว

 

 

 

8.    Statement ย้อนหลัง 6 เดือน เค้าจะดูว่าเงินในบัญชีเราสถานะล่าสุดนั้นมียอดเงินเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายตามจำนวนวันที่เราจะไปไหม
อย่างสวิตเซอร์แลนด์คำนวณคร่าวๆ จะมีค่าใช้จ่ายอย่างน้อยวันละ 100 ฟรังค์  เอกสารของเรา จนท.ของธนาคารปั๊มให้ทุกหน้า แต่เพื่อนเราปั๊มแค่หน้าสุดท้ายใบเดียว แต่พี่ จนท.ของสถานฑูตก็บอกว่าได้  (แบงค์ การันตีไม่ใช้)

 

 

 

9.    รูปถ่ายอีกใบนึง จนท. จะเอาไปสแกนลงคอม (ใช้ 2 ใบ ติดบนแบบฟอร์ม 1 ใบ อีก 1 ใบ จนท.ขอเพิ่มทีหลัง)

 

เอกสารก็มีประมาณนี้ค่ะ

 

 

จากนั้นจนท. ก็กรอกๆ ข้อมูลลงระบบ พวกเราก็ยืนรอกันไปค่ะหลังจากนั้นก็จะได้สแกนนิ้วมือ พอสแกนครบทุกคน จ่ายเงินคนละ 2,300 บาท  จนท.บอกว่า มารับเล่มวันที่ 31 มกราคม  แล้วก็ยื่นใบขาวๆ เล็กๆมาให้เรา คือใบนัดรับพาสสปอร์ต  เราก็เดินกันออกมาแบบ งงๆ ว่าเสร็จแล้วเหรอ

 

 

คือที่อ่านมาต้องถ่ายรูปอีกครั้งไว้ทำวีซ่าด้วยไม่ใช่เหรอ แล้วที่เห็นรีวิวว่าสัมภาษณ์นู่นนี่นั่น ล่ะ …? หรือว่าสามประโยคนั้นคือสัมภาษณ์ หืมม
เลยถามพี่เขาอีกรอบ ต้องมาสัมภาษณ์มั้ยคะ พี่เขาบอกไม่ต้องครับ มารับเล่มวันที่ 31 มกราคม ได้เลย ไม่ต้องกดบัตรคิว
เราก็เลย เออ เสร็จก็เสร็จ เพราะคนที่ approve visa เราก็เป็นคนฝรั่งอยู่ดี เขาไม่ได้สัมภาษณ์เราสักคำ น่าจะดูจากเอกสารครบถ้วน มากกว่า

ถึงวันรับเล่ม วันนั้นฝนตกตั้งแต่เช้ามืด น้ำท่วม ต้องฝ่าฝนไปรับพาสปอร์ต แล้วก็ได้วีซ่ามาทั้ง 3 คน ได้มา 12 วันค่ะ ตั้งแต่ออกจากไทย จนกลับมาถึงเป๊ะๆ
รูปในวีซ่าเป็นรูปที่เราถ่ายไปจากร้านนั่นแหละ เจ้าหน้าที่เอาไปสแกนแทนการถ่ายรูปใหม่ค่ะ

 

 

การเตรียมไปทริปนี้เราต้องทิ้งตั๋วเครื่องบินถึง 2 ประเทศ ซึ่งซื้อตั๋วไว้ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว คือมาเก๊า ที่ต้องบิน 30 มกราคม 2018 ที่ผ่านมา แต่พาสปอร์ตกลับมาไม่ทัน กับไปญี่ปุ่น บิน 1 มีนาคม 2018  ยกเลิกเพราะกลัวหมดตังค์แล้วไม่มีไปสวิตเซอร์แลนด์ เสียค่ายกเลิกไปสามพันกว่าบาท เรายอมทิ้งทุกอย่างเพราะเธอเลยนะ Switzerland จ๋า 

 

ทั้งนี้เราว่าการขอวีซ่าไม่ได้ยากอย่างที่คิด แค่เราเตรียมเอกสารให้ครบตามที่เขากำหนด แต่ระหว่างรอผล ก็ตื่นเต้นและเสียวสันหลังอยู่ทุกวันเลยค่ะ  เหมาะสำหรับคนที่สะดวกไปยื่นและไปรับเล่มเอง และควรวางแผนไว้ล่วงหน้าก่อน 3 เดือน เพราะกว่าจะได้คิวของสถานฑูต รอนานอยู่ค่ะ จะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายให้ตัวแทนอีกคนละ 800  แล้วสมัยนี้เวลาดำเนินการของสถานฑูตก็ใช้เวลาไม่นาน แค่ 5 วันทำการก็ทราบผลค่ะ